เราคงไม่ต้องอธิบายมากสำหรับแบรนด์ Fiio ที่ทุกๆ ท่านรู้จักเป็นอย่างดีในชื่อเสียงของการเป็นผู้ผลิต DAC/AMP เครื่องเล่นพกพา และหูฟังหลากหลายรุ่น ที่ผ่านมา โดยล่าสุดทาง Fiio ก็ได้เปิดตัว Fiio FH9 เรือธงในซีรี่ย์ Hybrid Driver ที่ประกอบด้วยไดรเวอร์ Dynamic 1 ตัว + ไดรเวอร์ Balance Armature อีก 6 ตัวนั่นเอง ซึ่งเป็นตัวต่อยอดจนสุดทางจาก FH7 ที่เคยทำชื่อเสียงในหมู่ Audiophiles ไว้อย่างดีนั่นเอง ราคาที่จำหน่ายนั้นก็เป็นมิตรมากๆ เพียง 19,990 บาท เท่านั้น ซึ่งสูงกว่า FH7 เดิมขึ้นมาเพียงไม่ถึง 5 พันบาท แต่ได้สาย stock cable ที่คุณภาพดีกว่ามากๆ และเปลี่ยนหัวปลั๊กได้ 3 แบบ เรียกว่าจบได้ในตัว ไม่จำเป็นต้องเสียเงินค่าสายอัพเกรดเพิ่มแต่อย่างใด พร้อมทั้งวัสดุงานประกอบที่ดูพรีเมียมเรียบหรูกว่าเดิม แถมยังเปลี่ยนท่อนำเสียงได้ 3 แบบเพื่อปรับจูนเสียงให้ตรงกับความชอบของผู้ใช้ เป็นตัวส่งท้ายปี 2021 ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่ผู้รีวิวได้ลองฟังงานของค่าย Fiio เลยครับ
Fiio FH9 ใช้ 1 ไดรเวอร์ Dynamic ที่ใช้ Diaphragm แบบ DLC ขนาด 13.6mm สำหรับขับเสียงย่านต่ำ
ส่วนย่านกลางและสูงใช้ไดรเวอร์ Knowles 6BA ที่ทางแบรนด์ Fiio ร่วมกันกับ Knowles ปรับแต่งพิเศษ
ควบคุมโดย 3 ways cross over
บอดี้หูฟังทำจากโลหะ Titanium alloy ซึ่งให้ควาแข็งแรง ลดการ resonance ของเสียงที่ไม่ต้องการ และให้ความสวยงามหรูหราต่อการสัมผัส
มาพร้อมกับ Acoustic แบบ Semi-open ที่ให้การสวมใส่ที่สบาย ความดันในช่องหูต่ำ
และมีเทคโนโลยี S.Turbo ที่จะช่วยให้ความหนักแน่นเสียงย่านต่ำนั้นไม่ขาดหายไปพร้อมกับการเป็น Semi-open
แถมตัวหูฟังยังสามารถถอดเปลี่ยนท่อนำเสียงได้ 3 แบบ โดยสีแดงจะเป็นแบบเพิ่มไดนามิกและโฟกัสย่านต่ำ สีดำซึ่งเป็นแบบที่ติดมากับตัวหูฟังแต่แรกนั่นคือแบบ Balance ที่ให้เสียงกระจ่างและโปร่ง ส่วนสีเขียวจะเป็นเน้นเสียงสูงและรายละเอียด
และยังไม่พอ สาย Stock Cable ที่แถมมานั้นยังเป็นสายเงินบริสุทธิ์ถัก 8 เส้น ซึ่งแต่ละเส้นจะประกอบไปด้วยแกนฝอยเส้นละ 28 แกน รวมเป็น 224 แกนทั้งหมด ฉนวนTPU เกรดนำเข้าอย่างดี
ปลอกหุ้มขั้ว mmcx ทำจาก stainless steel แบบโค้งเพิ่มความหรูหนาน่าใช้งานและช่วยเรื่องการ Fitting ให้เข้ารูปหูง่ายขึ้น พร้อมทั้งหัวปลั๊กที่ถอดเปลี่ยนได้ทั้งแบบ 3.5mm single ended และ 2.5กับ4.4mm balanced ครบครันไม่ว่าจะใช้กับ DAC/AMP DAP หรือโทรศัพท์มือถือ ก็สะดวก ไม่ต้องซื้อสายมาเปลี่ยนบ่อยๆ
โดยตัวหูฟังจะมีค่า impedance ที่ 18ohm@1kHz, ตอบสนองความถี่ 10Hz – 40kHz มีค่าความไว sensitivity = 108dB(1kHz@1mW) น้ำหนักเฉพาะตัวหูฟังต่อข้างเพียง 12.8g เท่านั้น โดยจะมีสีให้เลือกซื้อคือ เทา titanium และ ดำตัดทอง
- หูฟัง Fiio FH9 1 คู่
- สาย Stock Cable เงินล้วนบริสุทธิ์ถัก 8 รวม 224 แกนฝอย พร้อมหัวปลั๊กที่เปลี่ยนได้ 3 แบบ 3.5mm 2.5mm และ 4.4mm ที่มีปลอกหุ้มขั้ว mmcx เป็นวัสดุ stainless steel แบบงอ
- กล่องเก็บหูฟังรุ่น Fiio HB5 ลักษณะคล้ายหนังสีน้ำเงินตัดน้ำตาลที่ภายนอกพร้อมตัวล็อคฝาแบบแม่เหล็ก มีกำมะหยี่บุภายในและแบ่งช่องสำหรับกันหูฟังกระทบกันภายใน
- Filter สีแดง และสีเขียวอย่างละ 1 คู่บนแผ่นฐานเก็บ (สีดำ แบบ balance นั้นติดมากับหูฟังตั้งแต่แรกแล้ว)
- จุก Spinfit CP145 3 คู่ไซส์ S M L อย่างละ 1 คู่ (M คือที่ติดมากับหูฟังตอนแรก)
- จุก Balance 3 คู่ไซส์ S M L อย่างละ 1 คู่
- จุก Vocal 3 คู่ไซส์ S M L อย่างละ 1 คู่
- จุก Bass 3 คู่ไซส์ S M L อย่างละ 1 คู่
- จุก Memory Foam ไซส์ M 2 คู่
- จุกแบบ 2 ชั้น (Double Flange) ไซส์ M 2 คู่
- ตัวรัดสายหูฟังแบบแม่เหล็ก 1 เส้น
- แผ่นโลหะสำหรับถอดขั้ว mmcx 1 ชิ้น
- ใบคู่มือ
- แปลงทำความสะอาด
การเก็บงานบอดี้นั้นเนียนมือมากๆ ไร้ขอบคม น้ำหนักเบาแต่ไม่รู้สึกว่าก๊องแก๊ง เป็นพื้นผิวแบบขัดละเอียดแทบจะไร้รอยต่อ Filter นั้นใช้วิธีการหมุนเกลียวในการถอด-ใส่ สายหูฟังถัก 8 เส้นให้น้ำหนักและขนาดที่มากเล็กน้อย ขั้ว mmcx นั้นแน่นดีมาก ไม่มีอาการหมุนติ้ว การสวมใส่นั้นใส่ได้สบายดีมาก บอดี้ไม่มีติ่งทิ่มแทงบริเวณใบหูแต่อย่างใด แรงดันในตัวหูต่ำมากซึ่งเป็นผลพวงจากการออกแบบ acoustic room แบบ Semi-open back เสียงโดยรวมให้โทน Warm อิ่มหนา แต่ปลายเสียงนั้นสว่างเล็กน้อย รายละเอียดดี เบสลูกกลางๆค่อนไปทางใหญ่ มีความอิ่มหนาและลงลึก เสียงร้องอิ่ม อิมเมจใหญ่แต่อยู่กลางๆเวทีไม่ได้นำหน้า เสียงสูงสะอาด ละเอียดปลายทอดไกลแต่ไม่บาดหูเลยแม่แต่น้อย เวทีกว้างและลึกสมดุลกันดี ความเป็นสามมิติสูง ขับง่ายแม้ต่อตรงกับโทรศัพท์มือถือ ภาพรวมจะพูดจากเสียงที่ฟังได้จาก Balance Nozzle นะครับ
ย่านต่ำ
- เบสจะเป็นเบสที่มีสปีดค่อนข้างเร็ว กระชับ ลงได้ลึกมากๆ impact ค่อนข้างแรงโดยรวมลูกขนาดกลางๆ หัวโน๊ตชัด โฟกัสดี ติดนุ่มเล็กน้อย Texture เนื้อเบสหนา เด่นไปทาง Mid bass มากที่สุดแล้วตามด้วย Sub bass กับ Upper bass ตามลำดับ แต่ไม่กวนย่านอื่นๆ และมีตำแหน่งที่ลึกลงไปหลังเวทีพอสมควร สามารถให้รายละเอียดย่านต่ำอย่างถูกต้อง สามารถฟังเพลงได้แทบจะทุกแนว
ย่านกลาง
- เสียงร้องของ FH9 นั้นเป็นเสียงร้องที่อยู่กลางๆ เวที ติดอิ่มหนา นุ่ม แต่สะอาด ไร้สากเสี้ยน เป็นธรรมชาติ ชัดถ้อยชัดคำ เน้นฟังแล้วรู้สึกอิ่มฉ่ำ ฟังง่าย เสียง ส ซ ไม่บาดหูแม้แต่น้อย ฟังดีทั้งร้องหญิงและชาย เสียงกีตาร์นั้นมีเนื้อหนังดี ชัด โฟกัสนิ่ง ไม่พุ่งมาก ให้ความคมได้ระดับหนึ่ง อิมเมจใหญ่ เสียงเครื่องสีเครื่องเป่าจะอิ่มเนียน สมูท ลื่นหู เสียงเครื่องเคาะ percussion นั้นใส สมจริง มีให้ได้ยินชัด
ย่านสูง
- เสียงสูงของ FH9 นั้นให้เสียงที่ชัด สะอาด และละเอียด ไม่มีความพุ่งเสียดแม้แต่น้อย ปลายเสียงนั้นทอดได้ไกล พริ้ว ไม่บาดหูแม้แต่น้อย เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนเป็นธรรมชาติ มีความโปร่ง เสียงสูงนั้นลอยและไม่เจาะจงตำแหน่งว่าจะเป็นพุ่งออกข้างหน้า หรือออกข้างๆ จะโอบล้อมเป็น 3 มิติ ดี การถ่ายทอด Micro detail ถือว่าทำได้ดีมากๆ เป็นเสียงสูงที่แปลก เพราะให้ทั้งรายละเอียดจัดเต็ม แต่ดันฟังสบายสุดๆ
เวทีและมิติเสียง
- FH9 จะให้เวทีเสียงที่ใหญ่อลังการ กว้างกำลังดี และลึกโอ่อ่าดี การจัดเรียงชิ้นดนตรีเป็นวงกลมสวยงาม และที่สำคัญคือ ถ่ายทอดบรรยากาศในการอัด หรือที่เรียกว่า Ambient ได้ดี ซึ่งหูฟัง Fiio รุ่นอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้จะทำไม่ได้ มิติโอบล้อมรอบตัว ให้ความเป็น 3D ดีมากๆ มีหน้ามีหลัง มีสูงมีต่ำ การแยก layer เสียงด้านลึกทำได้ดี ยังคงความต่อเนื้องไว้อยู่
การขับ
- เป็นหูฟังที่ขับให้ดังง่ายมาก ต่อตรงมือถือก็ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง แต่อาจให้การแยกชิ้นดนตรีหรือเวทีที่ไม่โอ่อ่ามากเท่ากับการต่อ Source พวกเครื่องเล่นเพลง DAC/AMP ระดับสูงๆ นั่นหมายความว่า ขับให้ดังง่าย ขับให้ดีนั้น ต้องเลือก source ให้สมน้ำสมเนื้อหน่อยครับ
เปลี่ยนFilter
- เมื่อเปลี่ยนเป็นFilter เสียงแหลม (ขอบยางสีเขียว) จะให้เสียงร้องนำหน้าขึ้นมาและชิดตัวผู้ฟังมากขึ้นเล็กน้อย ปลายเสียงและหัวโน๊ตย่านกลาง-สูง จะคมขึ้น ใสขึ้น กว้างขึ้น แต่มิติด้านลึกนั้นลดลงเล็กน้อย
- เมื่อเปลี่ยนเป็น Filter เสียงต่ำ (ขอบยางสีแดง) จะให้เสียงที่ดูหนาขึ้น เวทีเสียงไม่เปลี่ยน รายละเอียดลดลงเล็กน้อย เสียงสูงนั้นมีความโปร่งและปริมาณลดลง แต่การถ่ายทอดย่านต่ำนั้นดูหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย
- ทั้ง FH7 และ FH9 นั้นมีมิติโอบล้อมรอบหัวที่ใกล้เคียงกันมาก แต่เรื่องเวทีนั้น FH9 กว้างกว่าเล็กน้อย และด้านลึกดีกว่ามาก ในแง่ของโทนเสียงนั้น FH9 จะมาทางสุภาพและละเอียด มากกว่าทาง FH7 ที่จะออกสดคม จะแจ้ง รายละเอียด FH9 นั้นมีมากกว่าแต่ FH7 จะชัดกว่า ถ้าท่านใดเคยมี FH7 แล้วรู้สึกอยากได้เสียงร้องที่อิ่มเนียนมากขึ้น เจ้า FH9 คือตัวเลือกการไปต่อที่ดีมากๆ
- โทนเสียงนั้นคล้ายกันเล็กน้อยเพราะให้ Tonal balance ที่ดีพอกันทุกย่าน แต่ FA9 จะขับยากกว่าเล็กน้อย และรายละเอียดมีน้อยกว่า ด้านกว้าง FH9 กว้างกว่าเล็กน้อยและด้านลึก FH9 ทำได้ดีกว่ามากๆ ยิ่งเรื่องมิติความโอบล้อมนั้น FH9 ทำได้เหนือชั้นกว่ามากๆ ส่วนความเป็นธรรมชาติของเสียงโดยเฉพาะย่านกลางแหลม ตัว FA9 ทำได้เป็นธรรมชาติกว่าเล็กน้อย
สนใจ FiiO FA9 สามารถสั่งซื้อได้ที่ : https://www.fiio.in.th/p/3396
- FH9 กับ FD7/FDX นั้นให้เสียงอยู่ tier เดียวกัน แตกต่างกันตรงที่ FD7/FDX นั้นจะเน้นด้านกว้างมากกว่าด้านลึก และให้ไดนามิกที่รุนแรงชัดเจนกว่า FH9 แต่เสียงสูงของ FD7/FDX นั้นไม่ได้ทอดตัวไกล/ละเอียดแบบ FH9 และความโอบล้อมของมิตินั้น FH9 ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่ FD7/FDX นั้นให้เสียงโดยรวมเป็นธรรมชาติและถูกต้องมากกว่า มีความ Color น้อยกว่า เที่ยงตรงกว่า และการ Scaling นั้นเมื่อต่อ Source คุณภาพที่สูงยิ่งขึ้นไป นั้นจะให้เสียงที่ไปได้ไกลมากกว่า
สำหรับหูฟัง Fiio FH9 นั้นเป็นหูฟังเรือธง hybrid driver จากค่าย Fiio รุ่นล่าสุดที่อาจเป็นตัวจบของหลายๆ ท่านได้ ซึ่งให้โทนเสียงที่สุภาพ ละเอียด อลังการ ฟังได้หลากแนว เรื่องความสมบูรณ์แบบของโทนเสียงและเวที/มิติ นั้นทำได้ดีเยี่ยม และที่สำคัญ สิ่งที่ FH9 นั้นทำได้แต่ Fiio รุ่นอื่นๆ ทำไมได้นั่นคือ การถ่ายทอดบรรยากาศ (Ambient) ที่ทำได้ดี เป็นเอกลักษณ์ที่หาได้ยากในหูฟังประเภท In ear ในเรทราคานี้ อีกทั้งงานประกอบที่พรีเมียม สาย stock cable ที่คุณภาพดีมากๆ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ให้มาครบครัน ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มแต่อย่างใด เพียงแต่ควรได้ Source ที่คุณภาพดีสมน้ำสมเนื้อกับตัวเขาหน่อย ซึ่งถ้าทำได้ เจ้า FH9 อาจจะเป็น End-Game ของหลายๆท่านได้อย่างง่ายดายครับ
เอาล่ะสำหรับการรีวิว Fiio FH9 ก็จบกันเพียงเท่านี้นะครับ นอกจากบทความแล้วยังมีคลิปรีวิวที่ทาง Holysai ได้ผลิตขึ้นมาให้ทุกท่านได้ชมด้วยนะครับ
สามารถติดตามได้ที่ Youtube Channel : https://bit.ly/3fhS9LG
Facebook Fanpage : www.fb.com/huufang